ชาวเน็ตด่ายับ! สาวหุ่นดีโพสต์ไล่สาวอ้วนไปลดน้ำหนัก ขวางทางเดิน
ไม่นานมานี่้ หลังจากแฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อ ชมรมผู้นิยมสาวอ้วน ได้โพสต์ภาพของสมาชิกเฟซบุ๊คท่านหนึ่ง แอบถ่ายภาพสาวร่างอวบบนบันใดเลื่อน
พร้อมบรรยายภาพว่า “ ทำไมไม่ชวนกันลดน้ำหนัก ทำไมไม่มีใครบอกใคร หรือบอกแล้วหรือทำไม่ได้กัน ขอโทษที่แอบถ่าย คือสงสัยจริง” หลังจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป สร้างความไม่พอใจในหมู่ชาวสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก
สมาชิกเฟซบุ๊คท่านหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า เธอเป็นคนอ้วนคนหนึ่ง และเห็นว่าหลายๆ คนมักจะดูถูกคนอ้วนโดยการพูดจาเสียดสีบ้าง
ซึ่งเธออยากให้ผู้คนมองเห็นความสำคัญของคนอ้วนให้มากขึ้น เพราะคนอ้วนก็ทำอะไรได้เหมือนคนทั่วไป และไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน
ชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า พฤติกรรมของผู้ที่แอบถ่ายภาพเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม นอกจากจะไร้มารยาทแล้วยังเป็นการทำร้ายจิตใจผู้อื่น
ล่าสุด ผู้ที่เป็นคนแอบถ่ายรูปดังกล่าวได้โพสต์ข้อความ ผ่านทางเฟซบุ๊คว่า ต้องการขอโทษสังคม สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเราและเพื่อนๆ ที่เข้ามาเม้นต่อ ยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอโทษบุคคลในรูปที่ถูกพาดพิง
จากนี้จะไม่มีแบบนี้เกิดขึ้นอีก และขอบคุณผู้ที่เข้ามาว่ากล่าวตักเตือนด้วยความหวังดี ขอบคุณกลุ่มประมูลเสื้อผ้าคนอ้วนที่ทำให้รู้ผิดชอบชั่วดี ขอบคุณทุกคนและ ขอโทษ จากใจจริง
ข่าวโดย : MThai
โจรหลังก่อเหตุ รู้สึกไม่ดี นอนไม่หลับ เลยคิดกลับใจส่งกระเป๋าคืนเจ้าของ พร้อมเขียนขอโทษ
ในโลกออนไลน์ได้เกิดเรื่องสุดฮือฮาขึ้น เมื่อสมาชิกในเว็บไซต์พันทิป @9Bigs ได้มีการเผยแพร่ภาพจดหมายของโจรขโมยกระเป๋าคน หนึ่งสำนึกในความผิด กล่าวคำขอโทษผ่านตัวอักษร พร้อมกับส่งกระเป๋าใบดังกล่าวส่งคืนเจ้าทุกข์ เนื่องจากเขาเกิดไม่สบายใจหลังได้ก่อเหตุเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน โดยระบุว่า
เพื่อนเคยถูกคนร้ายล้วงกระเป๋าสตางค์ที่ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนที่ล่าสุดจะมีจดหมายจากบุคคลปริศนาส่งมาให้ที่บ้าน ฉบับแรกมีข้อความระบุว่า “ขอโทษนะ ทำไปแล้วรู้สึกไม่ดีเลย ขอโทษจริงๆ นะ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว นอนไม่หลับทั้งคืนเลย”
ขณะที่ยังมีจดหมายอีกฉบับตามมา ระบุว่า “จะคืนกระเป๋าให้ แต่น้ำหนักมันเกิน จะส่ง EMS ไม่ได้ ขอโทษจริงๆ จากใจ” ทั้งนี้ในซองจดหมายฉบับดังกล่าวยังพบบัตรต่างๆ ที่เคยอยู่ในกระเป๋าสตางค์ที่เคยถูกคนล้วงขโมยไป แต่ไม่พบร่องรอยของเงินสดจำนวน 2,000 กว่าบาทที่เคยอยู่ในกระเป๋าสตางค์
ทั้งนี้ เจ้าของกระทู้ดังกล่าวยังได้ระบุให้ตอนท้ายอีกว่า “ตอนนี้ เพื่อนเราอโหสิกรรมให้แล้ว หากคุณโจรได้เข้ามาอ่านก็ขอให้รับทราบ นำเงินที่ได้เอาไปซื้อข้าวให้อิ่ม และอย่าไปทำแบบนี้กับใครอีก ตามที่เขียนไว้ในจดหมาย”
ข่าวโดย : MThai
ชาวเน็ตรุมด่า! เศรษฐีไม่มีสมอง จอดรถที่คนพิการ
วานนี้ หลังจากที่สื่อแขนงต่างๆ ได้ชื่นชมวีรกรรมของสมาชิกเว็บไซต์พันทิปรายหนึ่ง หลังเข้าไปขอทวงสิทธิที่จอดรถให้คนพิการกับ ผู้ขับขี่รายหนึ่ง ในห้างซูเปอร์มาร์เก็ต ย่านถนนราชพฤกษ์ จนเกิดกระแสเรียกร้องปกป้องสิทธิ์ผู้พิการ ที่ถูกสังคมเอาเปรียบต่อเนื่อง อย่างยาวนาน
ล่าสุด ในโลกออนไลน์ มีการแชร์ภาพถ่ายรถหรูป้ายแดงราคาแพงจำนวน 2 คัน จอดในช่องจอดของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งมีป้ายสัญลักษณ์ในช่องจอดอย่างชัดเจนว่า ‘ที่จอดรถสำหรับผู้พิการ‘ โดยรถทั้งสองคัน มีราคาคันละหลายล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้โพสต์ระบุข้อความสั้นๆ ไว้ว่า รวยแต่พิการ น่าสงสาร !!!!
เมื่อรูปถูกแชร์ออกไป ทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ตำหนิพฤติกรรมของเจ้าของรถทั้ง 2 คันนี้ เป็นจำนวนมาก ในขณะเดี่ยวกัน มีผู้ที่ตั้งข้อสงสัยว่า เจ้าของรถอาจมีผู้สูงอายุเดินทางมาด้วยหรือไม่ จึงใช้ช่องจอดรถสำหรับผู้พิการ ซึ่งอยู่ใกล้ทางขึ้นลงห้างสรรพสินค้า
และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เว็บไซต์แชงค์ www.change.org เว็บไซต์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีผู้ติดตามเกือบ 75 ล้านราย ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “แคมเปญรณรงค์ เรื่อง ที่จอดรถคนพิการ ในสนามสุวรรณภูมิ แล้ว โดยมีผู้เข้าร่วมลงชื่อแล้วเกือบ 25,000 ลายเซ็นแล้ว
ข่าวโดย : แนวหน้า
โดนอีกแล้ว! ก้อย รุ่งระวี โดนอดีตครูสอนเต้นลีดสมัยมัธยมแฉว่า “ไร้วินัยมานนานแล้ว”
สืบเนื่องจากกรณีข่าวฉาววงการกีฬาบ้านเราข่าวของ น้องก้อย รุ่งระวี ที่ออกมาแฉ ว่าถูก “โค้ชเช“ ทำร้ายร่างกาย จนกลายเป็นข่าวดราม่าใหญ่โต ที่สังคมให้ความสนใจในขณะนี้
ล่าสุดอดีตครูฝึกสอนเต้นลีด ที่โรงเรียนพิจิตรพิทยาคม ซึ่งน้องก้อยเคยเป็นลีดรุ่นเดียวกับ เจมส์ จิรายุ ได้ออกมาแฉพฤติกรรมน้องก้อย ว่า จากกรณีข่าวที่เกิดขึ้นระหว่าง “น้องก้อย” กับ “โค้ชเช“ ไม่น่าจะแปลก เพราะน้องก้อยขาดวินัยตั้งแต่สมัยยังไม่ได้เป็นเทควันโดทีมชาติแล้ว
“จากกรณีนี้ เพิ่งรู้จากคนที่พิจิตรโทรมาถามเหมือนกันเรื่อง “ก้อย รุ่ง รวี “ ว่า ใช่คนที่พี่อาร์มเคยสอนเต้นรึเปล่า แล้วที่มีปัญหากับโค้ชน่าจะจริงไหมที่น้องไม่มีวินัยเอง ((( ขอตอบ ผมเคยสอน “ก้อย” เต้นลีดตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนพิจิตรพิยาคม ตอนนั้นน้องเรียน ม5 ระหว่างการซ้อมน้องก็ค่อนข้าง งอแง และเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองนิดนิด เป็นคนไม่ค่อยยอมใครเท่าไร ตอนนั้นที่น้องเป็นลีด จำได้ว่าเป็นลีด สีเขียว รุ่นเดียวกับ เจมส์ จิรายุ น้องมาสาย ทุกวัน (น้องก้อยนะ) จะมาคนท้ายสุดตลอด เพราะฉะนั้นในกรณีนี้ ผมเชื่อว่า “โค้ช เช น่าจะไม่ผิดตามข่าว แต่ที่เขาลงโทษไปเพราะ ก้อยน่าจะไม่มีวินัยเองมากกว่า” จบ รู้สึกว่ากูสอนคนดังมาสองคนละ”
ไม่รู้ว่างานสื่อนี้จะตามไปสัมภาษณ์ เจมส์ จิรายุ ถึงประเด็นดังกล่าวหรือไม่ และตัวน้องก้อยเองจะออกมาพูดถึงประเด็นล่าสุดที่โดนแฉถึงความไม่มีระเบียบวินัยของตัวเองอย่างไร
ที่มา : https://www.facebook.com/arnon.konglaied
ข่าวโดย : Talkystory.com
ดุเดือด วงการเทควันโดไทย “โค้ชทักษ์“ มองสมาคมไม่ยุติธรรม!! ชี้เป็นคนแนะนำ “น้องก้อย“ แจ้งความ “โค้ชเช” หลังจากที่ “โค้ชเช“ ซึ่งถูก ก้อย รุ่งระวี กล่าวหาว่าโดนอีกฝ่ายทำร้ายร่างกายหลังจบแมตช์ในศึก โคเรีย โอเพน ที่เกาหลีใต้ พร้อมกับเรียกร้องให้โค้ชชาวเกาหลีใต้ออกมาขอโทษผ่านสื่อ จนกระทั่งล่าสุด เฮดโค้ชขวัญใจชาวไทย เตรียมตัวเดินทางกลับมาที่เมืองไทย วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคมนี้
ล่าสุดวันนี้ “โค้ชทักษ์“ นายพิทักษ์ ผูกพัน อดีตผู้ฝึกสอนกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ซึ่งเคยเป็นผู้ฝึกสอนให้กับ “น้องก้อย” รุ่งระวี ขุระสะ ได้มาออกมาเปิดเผยก่อนการสอบสวนในกรณีนี้ที่สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ราชมังคลากีฬาสถาน
โดย “โค้ชทักษ์” เปิดเผยว่าเป็นคนแนะนำให้ “น้องก้อย” รุ่งระวี ไปแจ้งความ “โค้ชเช” เช ยอง ซอก เลย เนื่องจากน้องเขาออกมาบอกว่าถูกกระทำอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามน้องเขาก็ขอไม่ทำอะไรเกี่ยวกับด้านกฎหมายเนื่องจากอ้างว่าที่ บ้านไม่มีเงินมากพอที่จะกระทำการ
“ผมเป็นคนแนะน้องก้อยเองว่า ถ้าโดนแบบนี้หรือโดนหนักขนาดนี้ก็ให้ไปแจ้งความเลย ซึ่งน้องเขาก็ปฎิเสธโดยให้เหตุผลว่าที่บ้านเขาไม่มีเงินมากนัก ที่จะดำเนินการต่างๆหรือจ้างทนาย ผมก็เลยพูดกลับไปว่าแล้วมาออกข่าวทำไม แล้วมาพูดว่าไม่ไหวทำไม ในเมื่อสุดท้ายก็ยอมเขาขนาดนี้” โค้ชทักษ์ กล่าว
อีกทั้ง อดีตผู้ฝึกสอนกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เผยต่อว่า ผู้ปกครองของ “น้องก้อย“ จะไม่เคลื่อนไหวอะไรอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากทนกระแสสังคมไม่ไหว แต่สำหรับตนแล้วไม่เข้าใจ เนื่องจากถ้าตอนแรกมองว่าสมาคมไม่ยุติธรรม ทำไม่มาหยุดแค่นี้ พร้อมฝากบอกโค้ชเช ว่า คุณต้องรีบกลับมาเนื่องจากคุณเป็นลูกจ้างสมาคมเป็นลูกจ้างประเทศไทย
“ผู้ปกครองของน้องเขาก็ยอมแพ้แล้วครับ เพราะทนกระแสสังคมไม่ไหว ต่อไปนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะออกมาพูดอีกหรือไม่ ในเรื่องนี้ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ถ้าตนเองมองเห็นว่าสมาคมไม่ยุติธรรม แล้วก็หยุดเพียงแค่นี้ แต่ในส่วนความคิดเห็นของตน โค้ชเช ก็ต้องกลับมาในเมื่อคุณเป็นลูกจ้างสมาคม ลูกจ้างประเทศไทย” โค้ชทักษ์ กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวโดย : TnewsOnline
ก้อย รุ่งระวี กลับลำไม่แจงข้อเท็จจริงกับสมาคมเทควันโดแล้ว หลังก่อนหน้านี้ยืนยันเอาเรื่องโค้ชเชต่อ
มีรายงานว่าวันนี้ ก้อย รุ่งระวี ขุระสะ นักเทควันโด จะไปให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่เธอถูกโค้ชเช ชเว ยองซอก ต่อยหลังแข่งแพ้ กับคณะกรรมการสอบสวน ในเวลา 13.00 น.
โดยน้องก้อย บอกว่า ถึงแม้ว่าเวลานี้โค้ชเชจะออกมาขอโทษเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านสื่อเกาหลีใต้แล้วก็ตาม แต่ตนก็ขอยืนยันว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อ เพราะเวลานี้กระแสสังคมมองว่าตนผิด ตนอยากให้สังคมได้รับรู้ว่าโค้ชเชทำอะไรลงไปบ้าง และการขอโทษผ่านสื่อไทยยังไม่เห็นมี
ขณะที่ นายพิทักษ์ ผูกพันธ์ อดีตผู้ฝึกสอนของก้อย กล่าวว่า ตนถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังยุน้องก้อย ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเลย ตนบอกได้คำเดียวว่า ตนอยากให้โค้ชเช กลับมายืนยันความบริสุทธิ์
ส่วนตัวของตนแล้ว ตนไม่อยากเป็นโค้ชทีมชาติไทย ที่ผ่านมาที่ตนคุยกับน้องก้อย เพราะน้องไม่มีใคร น้องตัวตนเดียว ขณะนี้กำลังเดินทางจากพิจิตรกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเล่าข้อเท็จจริงให้คณะกรรมการฟังทั้งหมด
สำหรับสภาพจิตใจ น้องก้อย รุ่งระวี ในตอนนี้จิตใจดีขึ้นมาก ส่วนเรื่องเพจแฟนคลับคนมีคนกลั่นแกล้งตั้งให้คนด่า และหลังจากเกิดเรื่องน้องก้อยก็ปิดเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมทุกอย่างหมดแล้ว
อย่างไรก็ดี ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา ที่เฟซบุ๊กรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ระบุว่า.. “ความคืบหน้าล่าสุด มีรายงานว่าน้องก้อยไม่ได้เดินทางเข้าพบคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของสมาคมเทควันโด” ส่วนทางด้านโค้ชทักษ์ พิทักษ์ ผูกพัน อดีตโค้ชของน้องก้อยก็ระบุว่า เหตุที่น้องก้อยไม่มาชี้แจงกับสมาคมฯ เพราะทนกระแสสังคมไม่ไหว
ส่วนหลังจากนี้ ก้อย รุ่งระวี จะชี้แจงอย่างไร จะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
ข่าวโดย : กระปุกดอทคอม
โค้ชเชเปิดใจผ่านรอยเตอร์กลับไทย 20 ก.ค.นี้
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า โค้ชเช ยองซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทยระบุ จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ค.นี้ พร้อมทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนเพื่อเป้าหมายเหรียญทองโอลิมปิก
หลังจากที่ "โค้ชเช" เช ยองซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย ไม่ได้เดินทางกลับมาเมืองไทย พร้อมคณะเจ้าหน้าที่และนักกีฬาทีมชาติไทยชุดสู้ศึก โคเรีย โอเพ่น 2014 เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทีกระแสข่าวว่า โค้ชเช อาจจะไม่เดินทางกลับไทยแล้ว จากกรณีที่มีข่าวฉาวเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ล่า สุด เมื่อวันที่ 18 ก.ค. สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า โค้ชเช ยองซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย เผยว่า จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ค.นี้
โดยเนื้อหาการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ระบุว่า “ผมได้คุยกับนายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย (ผศ.พิมล ศรีวิกรม์) แล้ว และตัดสินใจเมื่อเช้าว่าจะเดินทางกลับไทย
"ขอบ คุณการสนับสนุนและข้อความจากคนไทยจำนวนมาก เช่นเดียวกับนักกีฬาของผม ผมได้ตัดสินใจที่จะกลับประเทศไทยมาและทำงานของผมกับเป้าหมาย ที่จะชนะเหรียญทองโอลิมปิก" โค้ชเชกล่าว
นอกจากนี้ โค้ชเช กล่าวต่อด้วยว่า นอกเหนือจากชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ แต่เพราะเธอไม่ได้ทำในสิ่งที่เธอได้มีการเตรียมความพร้อม เรามีการสนทนาเกี่ยวกับวินัยและมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการลงโทษวินัยเล็กๆ เท่านั้น
ข่าวโดย smmsport
ชาวเน็ตจวกเละ! แฟนเพจ น้องก้อย แฟนคลับ สร้างขึ้นมาฆ่าตัวเองหรือเปล่า??
จากกรณีข่าวฉาววงการกีฬาบ้านเรา ที่ น้องก้อย รุ่งระวี ขุระสะ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ออกมาแฉผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าถูก โค้ชเช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ทำร้ายร่างกาย เนื่องจากลงสนามช้าและไม่มีความพร้อม จนกลายเป็นข่าวดราม่าใหญ่โตระดับประเทศ
ล่าสุดมีกลุ่มที่คาดว่าเป็นแฟนคลับน้องก้อย ได้เปิดแฟนเพจเฟซบุ๊กเพื่อให้กำลังใจน้องก้อย โดยใช้ชื่อว่า “น้องก้อย แฟนคลับ“ มีการโพสต์ข้อความขอความเป็นธรรมให้กับ“น้องก้อย รุ่งระวี”
ทั้งยังมีการอ้างคำพูดของน้องก้อย ซึ่งได้พูดถึงช่วงเวลาที่ฝึกกับโค้ชทักษ์ ที่เอามาเปรียบเทียบกับ โค้ชเช ว่า “ความจริงจากใจน้องก้อย ก่อนที่ก้อยจะมาติดทีมชาติ ก้อยฝึกอยู่กับโค้ชทักอยู่แล้ว โค้ชทักเป็นคนใจดี น่ารัก เรียบร้อยอ่อนหวาน ทั้งก่อนฝึกและหลังฝึก ก่อนวันแข่งก้อยกับเพื่อนๆก็จะไปแฮงค์เอ้ากันตามประสาวัยรุ่นบ้างเป็นครั้ง คราว แข่งเสร็จโค้ชทักก็จะพาก้อยไปเลี้ยงหมูกระทะบ้าง ตามแต่โอกาส แต่กับโค้ชเชไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย”
ซึ่งหลังจากโพสต์ข้อความดังกล่าวชาวเน็ตต่างพากันเข้ามากระหน่ำด่าเละ! หลายคนบอกว่าแฟนเฟจ น้องก้อย แฟนคลับ สร้างขึ้นมาฆ่าตัวเองหรือเปล่า??!! จากที่จะขอกำลังใจจากสังคมกลายเป็นโดนกระด่าซ้ำเติมหนักกว่าเดิมเสียอีก
ข่าวโดย : Talkystory.com
จากกรณีข่าวฉาววงการกีฬาบ้านเรา ที่ น้องก้อย รุ่งระวี ขุระสะ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ออกมาแฉผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าถูก โค้ชเช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ทำร้ายร่างกาย เนื่องจากลงสนามช้าและไม่มีความพร้อม จนกลายเป็นข่าวดราม่าใหญ่โตระดับประเทศ
ล่าสุดมีกลุ่มที่คาดว่าเป็นแฟนคลับน้องก้อย ได้เปิดแฟนเพจเฟซบุ๊กเพื่อให้กำลังใจน้องก้อย โดยใช้ชื่อว่า “น้องก้อย แฟนคลับ“ มีการโพสต์ข้อความขอความเป็นธรรมให้กับ“น้องก้อย รุ่งระวี”
ทั้งยังมีการอ้างคำพูดของน้องก้อย ซึ่งได้พูดถึงช่วงเวลาที่ฝึกกับโค้ชทักษ์ ที่เอามาเปรียบเทียบกับ โค้ชเช ว่า “ความจริงจากใจน้องก้อย ก่อนที่ก้อยจะมาติดทีมชาติ ก้อยฝึกอยู่กับโค้ชทักอยู่แล้ว โค้ชทักเป็นคนใจดี น่ารัก เรียบร้อยอ่อนหวาน ทั้งก่อนฝึกและหลังฝึก ก่อนวันแข่งก้อยกับเพื่อนๆก็จะไปแฮงค์เอ้ากันตามประสาวัยรุ่นบ้างเป็นครั้ง คราว แข่งเสร็จโค้ชทักก็จะพาก้อยไปเลี้ยงหมูกระทะบ้าง ตามแต่โอกาส แต่กับโค้ชเชไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย”
ซึ่งหลังจากโพสต์ข้อความดังกล่าวชาวเน็ตต่างพากันเข้ามากระหน่ำด่าเละ! หลายคนบอกว่าแฟนเฟจ น้องก้อย แฟนคลับ สร้างขึ้นมาฆ่าตัวเองหรือเปล่า??!! จากที่จะขอกำลังใจจากสังคมกลายเป็นโดนกระด่าซ้ำเติมหนักกว่าเดิมเสียอีก
ข่าวโดย : Talkystory.com
วิว-เล็ก เปิดใจประเด็น โค้ชเช-น้องก้อย ยันรุ่นตนเจอหนักกว่านี้
วิว เยาวภา เผยว่า ยอมรับว่าเครียดมาก เพราะติดตามข่าวมาตั้งแต่น้องก้อย โพสต์เฟซบุ๊ก จนเรื่องบานปลาย แต่ที่ตนยังเชื่อมั่นโค้ชเชเพราะอยู่ด้วยกันมานาน จนศรัทธา
ส่วนตัวก็โดนมาเยอะ สารพัดจะเจอ ฝึกเตะกับโค้ชเชทุกวัน หนักมากๆ ให้ตัวเองเลิกกลัวคนสูง เพราะเป็นคนเตี้ย เคยโกรธโค้ชเชมากๆ แต่อีกมุมหนึ่งก็คิดว่าเขาหวังดี อยากให้ได้ดี ถึงขั้นพ่อเคยจะไปต่อยโค้ชเช เพราะเห็นลูกโดนหนักมาก แต่ตัวเองเป็นคนที่ไปห้าม ไม่รู้ทำไมถึงโกรธไม่ลง ตอนนั้นตนเจ็บใจ คิดว่าเราเป็นผู้หญิงทำไมถึงสู้ผู้ชายไม่ได้ แต่ก็ผ่านจุดนั้นมาได้ที่สุด
ส่วนตัวมองว่าโค้ชเชน่าจะห่วงภาพลักษณ์ของนักกีฬาไทยมากกว่า ที่ไม่พร้อมก่อนแข่งขัน ทำให้ชาติอื่นมองไม่ดีตอนนี้ปัญหาใหญ่จนเป็นระดับชาติแล้ว ไม่อยากให้คิดว่าใครชนะหรือแพ้ รุ่นพี่ๆ ที่ผ่านมาก็ทุ่มเททั้งชีวิต อยากให้มองข้ามจุดนี้ไปปล่อยวางบ้าง ตนอยากฝากบอกน้องก้อยว่าใจเย็นๆ ปล่อยวางบ้างเพราะโค้ชเชก็ขอโทษแล้ว
ด้าน น้องเล็ก ชนาธิป ยืนยันว่าอยากไปฝึกกับโค้ชเช ถ้าหากโค้ชไม่กลับมา ไม่ใช่จะโอนสัญชาติไปเล่นที่นั่น สำหรับตนฝึกกับโค้ชเชมา7 ปี รับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่น ยืนยันว่าตนเคยโดนทำโทษหนักกว่าน้องก้อย แต่ไม่เคยออกมาป่าวประกาศ
สำหรับตัวโค้ชเชเป็นคนที่เคร่งครัดกับระเบียบวินัยมาก ตนเคยโดนหนักสุดคือโดนตีแต่ไม่ได้เลือดตกยางออก ซึ่งโค้ชเชก็จะบอกเสมอว่าตอนลงโทษเด็ก “เด็กเจ็บที่ตัว แต่โค้ชเจ็บที่ใจ” และทุกครั้งที่โค้ชเชทำโทษเสร็จ จะกลับมาพูดคุยอธิบายเหตุผล ให้รู้ว่าไม่ต้องการทำร้าย แต่ยืนยันไม่เคยถึงขั้นเลือดตกยางออกแน่ๆ
ส่วนตัวมองว่าถ้าโค้ชเชต่อยน้องก้อยเป็นสิบๆ หมัดจริง น่าจะร่วงไปนานแล้ว จริงๆ ตอนนี้โค้ชเชเบาลงกว่าแต่ก่อนมากๆ ไม่โหดเท่าสมัยก่อน เพราะนิสัยโค้ชเชเป็นคนจริงจังมากกับการฝึกซ้อม ทำให้เด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งประสบความสำเร็จได้
ตนมองว่าถ้าโค้ชเชตั้งใจทำร้ายน้องก้อย ทำไมไม่เรียกไปคุยส่วนตัว แต่กลับทำต่อหน้าทุกๆคน แสดงว่าต้องมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจริง สำหรับตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ถ้าพูดอะไรไปก็จะหาว่าเข้าข้างโค้ชเช แต่อยากให้มองเจตนามากกว่ามองว่าโค้ชอยากทำร้าย
ส่วนตัวไม่สนิทกับน้องก้อย เพราะอีกฝ่ายเพิ่งติดเมื่อต้นปี แต่อยากฝากถึงน้องก้อยว่าอยากให้หันหน้าคุยกัน เพราะโค้ชเชก็ออกมาขอโทษแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้โค้ชมาขอโทษผ่านสื่อแล้ว
พร้อมกล่าวทิ้งท้าย “ขอให้โค้ชเชกลับมาคุมทีมชาติไทยเหมือนเดิม”
ข่าวโดย : ครอบครัวข่าว 3
ชาวเน็ตแชร์ภาพ โค้ชเช กระโดดตัวลอยข้างสนามด้วยความดีใจ หลังประท้วงสำเร็จให้นักกีฬาเทควันโดไทยเป็นฝ่ายได้คะแนนแทนเกาหลีใต้
จากข่าวคราวความขัดแย้งระหว่าง น้องก้อย รุ่งระวี ขุระสะ และ โค้ชเช ชเว ยองซอก โค้ชเทควันโดทีมชาติไทยจากเกาหลีใต้ ที่ล่าสุดโค้ชเชได้ตัดสินใจยังไม่ขอกลับประเทศไทยพร้อมนักกีฬาและโค้ชคนอื่น ๆ ทำให้ตอนนี้เกิดมีกระแสให้กำลังใจโค้ชเชขึ้นมาอย่างมากมาย
ล่าสุด พบว่ามีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในชื่อ @peposwag ได้ทวีตภาพความทุ่มเทที่โค้ชเชมีต่อนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เมื่อเวลากลางดึกของวันที่ 16 กรกฎาคม 2557 เป็นภาพที่โค้ชเชกระโดด ตัวลอยด้วยความดีใจ หลังจากประท้วงให้กรรมการให้คะแนนนักกีฬาไทยได้สำเร็จ ในนัดที่ไทยแข่งขันกับเกาหลีใต้ ประเทศซึ่งเป็นบ้านเกิดของโค้ชเชเอง
ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวได้รับการรีทวีตออกไปแล้วกว่า 5,000 ครั้ง โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นบางส่วนต่อภาพว่า จะไม่ให้รักโค้ชเชได้อย่างไร ในเมื่อโค้ชทำเพื่อประเทศไทยขนาดนี้
ผลงานของโค้ชเช
ข่าวโดย : กระปุกดอทคอม
ชาวเน็ตรุมจวก! กลุ่มสาวเมายาอัดคลิปโชว์ยาเค – ชวนเสพยา
ในหน้าสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กที่ชื่อเพจ “คลิป ฮอต ฮิต” มีการนำคลิปวิดีโอของกลุ่มหญิงสาวหน้าตาดีกลุ่มหนึ่งที่มีความยาวประมาณ 1 นาทีมาเผยแพร่ ลงวันที่ไว้ เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา
โดยเนื้อหาของคลิป กลุ่มสาว ๆ อยู่ในอาการมึนเมา คล้ายกับอาการเมาสารเสพติด และแนะนำตัวรายชื่อสาว ๆ แต่ละคน โดยหญิงสาวที่ถือกล้องได้ เรียกเพื่อนให้โชว์ผงสีขาวที่ห่อด้วยกระดาษและอ้างว่า เป็นยาเค โชว์ให้กล้องดู พร้อมกับเชิญชวนให้คนไปหาซื้อยาเคมาเสพ
ภายหลังมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวออกไป ได้มีกลุ่มบุคคลจำนวนมาก เข้ามาแสดงความคิดเห็นในทางตำหนิเป็นส่วนมาก และบางคนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวสาว ๆ กลุ่มนี้ มาสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันนี้ ป.ป.ส. ร่วมกับทหารจะมีการสนธิกำลังลงพื้นที่เป้าหมาย หลายจุด ทั้งกรุงเทพ 44 เขต และปริมณฑล เพื่อตรวจค้นยาเสพติด กำลังตามยุทธการปิดล้อมตรวจค้น เพื่อ Block พื้นที่การค้ายาเสพติด
ข่าวโดย : INN
ชาวโซเชียลเคืองน้องก้อย ตั้งแฟนเพจแอนตี้ ก้อย รุ่งระวี จี้ให้แสดงความรับผิดชอบ เป็นการลงโทษทางสังคม
วานนี้ จากกรณีที่มีกระแสข่าวน้องก้อย รุ่งระวี ขุระสะ นักเทควันโดสาวทีมชาติไทยนักกีฬาเทควันโด้ ทีมชาติไทย ได้ออกมาเผยว่า ถูกโค้ชเช ผู้คุมทีมและผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโด้ทีมชาติไทยทำร้ายร่างกาย
จนทำให้โค้ชเชตัดสินใจไม่กลับมาที่ประเทศไทย สร้างความไม่พอใจให้กับชาวสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก
โดยหลายคนแสดงความคิดเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกิดจากตัวน้องก้อยเอง แต่ทำให้วงการเทควันโดของไทยได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วย
ซึ่งนอกจากจะมีการเข้าไปให้กำลังใจโค้ชเช ขณะนี้มีการตั้งแฟนเพจ แอนตี้ ก้อย รุ่งระวี ด้วย ซึ่งเพจดังกล่าวถูกสร้างเพียงวันเดียวมีคนเข้าไปกดถูกใจกว่า1 3,000 คนแล้วและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โดยในแฟนเพจได้มีการแสดงความคิดเห็นเพื่อให้น้องก้อย รุ่งระวีออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำ และอยากให้สมาคมเทควันโดไทยปลดน้องก้อยออกจากทีมชาติด้วย
“….ผมว่าสิ่งที่คนไทยหลายคนในเวลานี้ต้องการ คือ การที่ K.รุ่งระวี และ ครอบครัวของคุณออกมาขอโทษโค้ชเชและประชาชนคนไทยผ่านสื่อเกี่ยวกับการแข่งขันในครั้งนี้นะครับ ผมเชื่อนะครับว่า โค้ชเช น่าจะให้อภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ก่อนที่คุณจะออกไปจากสมาคมเทควันโดไทย อยากให้คุณคิดถึงอนาคตของนักเทควันโดรุ่นหลังที่ยังต้องการโค้ชเชอยู่ นักกีฬาทุกคนไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิดครับ ต้องมีโค้ชดีๆคอยฝึกฝนให้ครับ K.รุ่งระวีคุณเป็นคนเดียวที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ครับ….”
ข่าวโดย : MThai
วานนี้ จากกรณีที่มีกระแสข่าวน้องก้อย รุ่งระวี ขุระสะ นักเทควันโดสาวทีมชาติไทยนักกีฬาเทควันโด้ ทีมชาติไทย ได้ออกมาเผยว่า ถูกโค้ชเช ผู้คุมทีมและผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโด้ทีมชาติไทยทำร้ายร่างกาย
จนทำให้โค้ชเชตัดสินใจไม่กลับมาที่ประเทศไทย สร้างความไม่พอใจให้กับชาวสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก
โดยหลายคนแสดงความคิดเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกิดจากตัวน้องก้อยเอง แต่ทำให้วงการเทควันโดของไทยได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วย
ซึ่งนอกจากจะมีการเข้าไปให้กำลังใจโค้ชเช ขณะนี้มีการตั้งแฟนเพจ แอนตี้ ก้อย รุ่งระวี ด้วย ซึ่งเพจดังกล่าวถูกสร้างเพียงวันเดียวมีคนเข้าไปกดถูกใจกว่า1 3,000 คนแล้วและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โดยในแฟนเพจได้มีการแสดงความคิดเห็นเพื่อให้น้องก้อย รุ่งระวีออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำ และอยากให้สมาคมเทควันโดไทยปลดน้องก้อยออกจากทีมชาติด้วย
“….ผมว่าสิ่งที่คนไทยหลายคนในเวลานี้ต้องการ คือ การที่ K.รุ่งระวี และ ครอบครัวของคุณออกมาขอโทษโค้ชเชและประชาชนคนไทยผ่านสื่อเกี่ยวกับการแข่งขันในครั้งนี้นะครับ ผมเชื่อนะครับว่า โค้ชเช น่าจะให้อภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ก่อนที่คุณจะออกไปจากสมาคมเทควันโดไทย อยากให้คุณคิดถึงอนาคตของนักเทควันโดรุ่นหลังที่ยังต้องการโค้ชเชอยู่ นักกีฬาทุกคนไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิดครับ ต้องมีโค้ชดีๆคอยฝึกฝนให้ครับ K.รุ่งระวีคุณเป็นคนเดียวที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ครับ….”
ข่าวโดย : MThai
โค้ชเช ให้สัมภาษ์สื่อเกาหลี ยอมรับลงโทษน้องก้อยจริงแต่ไม่ได้ต่อย ย้ำนักกีฬาไม่พร้อมแข่งขัน
โค้ชเช เชยองซอก เฮดโค้ชเทควันโดทีมชาติไทยให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าวยอนฮับของเกาหลี ระหว่างการแข่งขันโคเรียล โอเพ่น โดยปฏิเสธว่าไม่ได้ลงโทษ รุ่งระวี ขุระสะ นักกีฬาเทควันโด เกินกว่าเหตุด้วยการต่อยอย่างที่นักกีฬาออกมาให้ข่าว
ซึ่ง โค้ชเช เปิดเผยว่า ในขณะที่นักกีฬาฝ่ายตรงข้ามมารอที่สนามแล้ว แต่รุ่งระวี ยังไม่รู้เลยว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้วจนเกือบถุกตัดสิทธิ์ และได้สั่งสอนต่อหน้านักกีฬาคนอื่นๆ จริง แต่จะเรียกว่าต่อยคงไม่ได้
“วันนั้นเป็นการแข่งขันวันแรก จึงปล่อยให้ความประมาทของนักกีฬาคนหนึ่งมาสร้างอิทธิพลให้กับทีมไม่ได้ จึงต้องสั่งสอน ผมตีเขาที่ใบหน้าและท้องเบาๆ แต่ไม่ได้ต่อย ผมทำหน้าที่โค้ชให้กับประเทศไทยมานาน จึงรู้ดีว่า วัฒนธรรมไทยไม่คุ้นเคยกับการสั่งสอนแบบนี้ ยิ่งเป็นนักกีฬาหญิงแล้ว จะต่อยได้อย่างไร” โค้ชเช กล่าว
ข่าวโดย : โพสต์ทูเดย์
ว่อนเน็ต! คลิป หนุ่มหื่นจัด ช่วยตัวเองคาร้านสะดวกซื้อ
ขณะนี้ในสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปภาพวิดีโอ ”โคตรหื่น..ชักว่าวในเซเว่น !!!“ เป็นการเตือนให้ระวังผู้กระทำผิดกระทำอนาจารในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โดยคลิปดังกล่าวมีความยาว 3.12 นาที ถูกแชร์โดยเว็บเพจชื่อดัง
ทั้งนี้ในเพจดังกล่าว มีการระบุทำนองว่า ชายคนหนึ่งกำลังอ่านหนังสือนิตยสารผู้ชายในร้านสะดวกซื้อ ระหว่างที่กำลังอ่านอยู่นั้น ได้กระทำอนาจารช่วยตัวเองต่อหน้าผู้คนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ยำเกรงสายตาหรือเกิดความอับอายแต่อย่างใด ทั้งนี้ทางผู้ถ่ายคลิปซึ่งเป็นพนักงานร้านในสะดวกซื้อได้ถ่ายภาพดังกล่าวผ่านทางตู้กระจกแช่เครื่องดื่ม จึงทำให้ภาพไม่ชัดเท่าที่ควร
ภายหลังคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในสังคมออ นไลน์ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่าทางร้านสะดวกซื้อ จำเป็นต้องมีมาตรการในการจัดการดังกล่าวให้เหมาะสม เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
และถ้าหากชายคนดังกล่าวกระทำอนาจารจนสำเร็จความใคร่แล้วนำหนังสือไปเก็บที่เดิมก็ไม่แน่ใจว่าจะมีใครกล้าเข้าไปเลือกซื้อหนังสือ หรือเข้าไปซื้อของจากทางร้านอีกหรือไม่
ข่าวโดย : เดลินิวส์
ชาวเน็ตวิจารณ์แซด คลิปกู้ภัยจวกยับ พยาบาล ให้คนเจ็บไปโรงพยาบาลอื่นอ้างสิทธิ์ประกันสังคม โดยที่ไม่ตรวจ
วันนี้ สมาชิกเว็บไซต์ยูทูปชื่อ Leung Phattaranateethong ได้เผยแพร่คลิป กู้ภัย VS พยาบาล โดยเป็นเหตุการณ์ที่ชายกู้ภัยมูลนิธิปอเต็กตึงคนหนึ่งกำลังยืนต่อว่าพยาบาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ซึ่งไม่รับคนไข้เข้ารับการรักษาเนื่องจากเธออ้างว่า หมอได้ประเมินคนไข้แล้วให้ส่งไปที่โรงพยาบาลอื่น เนื่องจากมีสิทธิ์ประกันสังคมโรงพยาบาลนั้น ซึ่งต่อมาชายคนในคลิปได้ออกมาเผยถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ว่า
เรื่องของเรื่องเกิดจากคนเจ็บเมาและได้ร้องขอไปโรงพยาบาลใกล้เคียงแต่พอไปถึงพยาบาลบอกกับคนเจ็บว่าค่ารักษาเป็นพัน คนเจ็บเลยกลัวไม่มีค่ารักษาพยาบาลเลยต้องการอยากจะไปโรงพยาบาลเดชาต้นสังกัด
แต่ทางโรงพยาบาลไม่มีการเช็คคนเจ็บเลยว่ามีบาดแผลตรงไหนอยู่ดีๆก็เรียก เวรเปลมาเข็นคนเจ็บออกมาจากห้องทำแผลบอกแต่ว่ามีสิทธิ์อยู่โรงพยาบาลนี้ ซึ่งตนต้องขอโทษกับบางคำที่รุนแรง แต่ตนโดนอย่างนี้มาหลายครั้งแล้วมันอดไม่ไหวแล้วจริงๆต้องขอโทษด้วย
ทั้งนี้ได้มีสมาชิกเฟซบุ๊คท่านหนึ่งซึ่งเป็นพยาบาลเหมือนกัน ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ว่าถ้าดูจากคลิป ลักษณะว่าพยาบาลอธิบายให้ไปตามสิทธิ์ประกันสังคม อย่างน้อยก็น่าจะดูอาการ ประเมิน และอธิบายผู้นำส่ง ว่าอาการรอได้ หรืออะไรก็ว่ากันไป แต่ตามคลิปพูดถึงแต่เรื่องสิทธิ์อย่างเดียว
อ้างอิงจากที่เคยปฏิบัติมา อย่างน้อยต้องเข้าไปประเมินและอธิบาย แต่ลักษณะคล้ายไม่รับคนไข้ คือโรงพยาบาลรัฐบาลที่ดี เจ้าหน้าที่ที่มีคุณภาพก็มี ในฐานะวิชาชีพเดียวกัน ดูแล้วมันก็ไม่เหมาะ จรรยาบรรณวิชาชีพ เห็นคนไข้กู้ภัยนำส่ง ต้องเข้าดูก่อน
และประเมินระดับความรู้สึกตัวเบื้องต้น เกิดผลักไสให้พาคนไข้ไปแล้วเกิดเป็นอะไรระหว่างทาง คนไข้อุบัติเหตุ มีพยาธิสภาพจากการกระทบกระแทกหรือเปล่าก็น่าจะเข้าไปประเมินก่อน ข่าวโดย : MThai
หนุ่มสาวชาวอังกฤษประกาศเฟซบุ๊กตามหาคนไทยช่วยชีวิตในเหตุการณ์สึนามิที่ภูเก็ตเมื่อปี 2004
สมาชิกเฟซบุ๊กชื่อ Ben Willgrass ซึ่งเป็นชาวอังกฤษได้เผยถึงประสบการณ์ สึนามิในประเทศไทยเมื่อปี 2004 ซึ่งเขาได้รับการช่วยเหลือจากคนไทยเป็นอย่างดีจึงได้มีการประกาศตามหาผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า
พวกเราชื่อเอมิลี่และเบนวิลกราส เมื่อสิบปีที่แล้วคือวันที่ 26 ธันวาคม 2004 ชีวิตของพวกเราได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลเมื่อเราต้องประสบกับสึนามิที่ภูเก็ตในขณะที่เรากำลังพยายามหาทางหนีขึ้นที่สูงก็มีคนไทยสอง คนช่วยเหลือและให้ที่พักพิงแก่เราและยังช่วยดูแลเราสองคนในขณะที่พ่อของเรา ออกตามหาแม่ที่พลัดหลงกันในตอนนั้นซึ่งเป็นที่น่าเสียใจว่าเราพบศพของแม่ใน วันนั้น
ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตคนไทยคู่นี้ที่ชื่อคุณยุพินและคุณพิชาติ (ที่เราคิดว่าน่าจะเป็นชื่อเล่น) ได้คอยให้ความช่วยเหลือแก่เราและเรากำลังตามหาพวกเขาอยู่ในตอนนี้ ทั้งคู่ให้ที่พักแก่เราจนกระทั่งเราสามารถออกจากภูเก็ตได้ในวันรุ่งขึ้น และเพราะสนามบินภูเก็ตปิดในเวลานั้นทั้งคู่อุตส่าห์ขับรถพาเราไปส่งที่กรุงเทพที่อยู่ห่างจากภูเก็ตกว่า870 กม.
เพื่อให้เราขึ้นเครื่องบินกลับอังกฤษได้ซึ่งเราจะไม่มี วันลืมความช่วยเหลือความมีน้ำใจรวมทั้งความเมตตาที่ทั้งสองคนมีต่อเราในช่วง เวลาที่ยากลำบากที่เราต้องการมากที่สุดและไม่มีคำไหนที่จะขอบคุณคนทั้งสอง ได้อย่างเพียงพอสำหรับสิ่งที่ทั้งสองทำให้กับเรา
เราไม่เจอคุณยุพินและคุณพิชาติอีกเลยตั้งแต่วันนั้นทั้งนี้เราจะไปภูเก็ตอาทิตย์ หน้า (20 กรกฎาคม) และเราอยากจะพบทั้งคู่อย่างมากเราจึงพยายามตามหาพวกเขาเพื่อที่เราจะได้ กล่าวขอบคุณคนทั้งคู่อีกครั้งสำหรับทุกอย่างที่เขาทำให้ครอบครัวของเรา
ช่วยเราหน่อยได้มั้ยคะ
คุณรู้จักคุณยุพินและคุณพิชาติมั้ยคะ
ทราบหรือไม่ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
เราเห็นพวกเขาครั้งสุดท้ายแถวถนนทวีวงศ์ช่วงระหว่างหาดป่าตองและหาดพาราไดซ์
ช่วยบอกพวกเขาด้วยว่าเรากำลังตามพวกเขาอยู่
ช่วยแชร์เรื่องนี้ไปให้คนอื่นด้วย
ขอความกรุณาแชร์เรื่องนี้ไปให้คนอื่นๆด้วยเพื่อว่าคุณยุพินหรือคุณพิชาติ หรือคนที่รู้จักสองคนนี้จะเห็นข้อความนี้และบอกเราได้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
หากมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้กรุณาติดต่อเราที่ findupinandpitchat@hotmail.com
ทวีตเตอร์ #findupinandpitchat หรือ
เฟซบุ้ก Ben Willgrass
ข่าวโดย : MThai
นักศึกษาแฉ! อาจารย์ราชภัฏ ขอแสตมป์ 7-11 แลกเกรด
กลายเป็นประเด็นสุดฮอตที่ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจ เมื่อล่าสุดวานนี้ มีการเผยแพร่คลิปสแตมป์แลกเกรด โพสต์โดย คุณส้มโจ่ย สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม ได้โพสต์คลิปวิดีโอชื่อ “อาจารย์ราชภัฎสาว แสตมป์เซเว่นฯ-เครื่องแก้วแลกเกรด” ซึ่งระบุว่า ภาพในคลิปถูกบันทึกไว้เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2557 พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่อยู่ในคลิปดังนี้
“ตนและเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งเป็นนักศึกษาภาคพิเศษ ถูกอาจารย์สาขาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง บังคับให้ไปเที่ยวที่ประเทศเวียดนาม
โดยอ้างว่า ไปดูงาน แต่แท้จริงแล้วไม่ได้มีการดูงานตามที่กล่าวอ้าง แถมยังมีคำสั่งพิเศษให้ซื้อชุดเครื่องแก้ว หรือนำแสตมป์ 7-11 มาแลกเกรด ทำให้มีนักศึกษาบางคนหมดเงินซื้อของ เพื่อให้ได้แสตมป์กว่า 400 ดวงมาแลกเกรด A
และด้วยความอึดอัดใจ นักศึกษาก็ได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังอธิการบดี แต่เรื่องราวกลับเงียบหาย ซ้ำยังถูกอาจารย์คนดังกล่าว ข่มขู่คุกคามมาโดยตลอด จึงเป็นสาเหตุให้นำคลิปนี้มาเผยแพร่สู่สาธารณะ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม”
แถมในคลิปดังกล่าวอาจารย์สาว ยังระบุอีกว่า ไม่ได้บังคับให้ใครนำแสตมป์ 7-11 มาแลกเกรด เพียงแค่ยื่นข้อเสนอให้เท่านั้น
เรียกได้ว่า พอคลิป “อาจารย์ราชภัฎสาว แสตมป์เซเว่นฯ-เครื่องแก้วแลกเกรด” ถูกเผยแพร่ออกไปเท่านั้น บรรดาชาวเน็ตต่างเข้ามาตั้งคำถามว่า “พฤติกรรมที่เกิดขึ้นภายในคลิป คือ พฤติกรรมของคนที่ขึ้นชื่อว่า “ครู” จริง ๆ หรือ ?
ข่าวโดย : กระปุกดอทคอม
แชร์ว่อนเน็ต “ตายายชนถังขยะเทศบาล” โดนเรียกเก็บเงินนับ เกือบ 1000 ชาวเน็ตถามเกินไปไหม?
สืบเนื่องจากสมาชิกเฟซบุ๊กท่านหนึ่งได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความบรรยายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก ที่เจ้าของโพสต์ได้บังเอิญเจอกับตัวเองแล้วอยากบอกต่อ…โดยระบุว่า
“ประมาณเที่ยงวันนี้ค่ะ มีตากับยายขับรถมาขายแตงโม ขับมากำลังขึ้นเนินจาก รพ.ไพศาลี มาทางหน้าเทศบาลเกิดยางแตก จึงทำให้รถเสียหลักขับชนถังขยะ ตากับยายจึงจอดรถอยู่หน้าเทศบาล เดินเข้าไปบอก พนง.เทศบาล ว่า “ได้ขับชนถังขยะแตก”
พนง. ออกมาดูสภาพถังขยะ และเรียกเก็บค่าเสียหายจำนวน 1000 บาท พี่สาวเราเห็นเหตุการณ์ จึงเข้าไปช่วยเจรจาต่อรองราคาค่าเสียหาย ว่าเรียก 1000 บาท มันสูงเกินไป เนื่องจากถังขยะอายุการใช้งานตั้งแต่ปี 52 ควรจะเรียกตามค่าเสื่อมสภาพ
แต่มีคุณ ผช. อ้างว่าเป็น “รองนายก” พูดไม่น่าต่ำ 3-4 รอบ ( เอิ่ม.. บอกครั้งเดียวก็รู้ค่ะ) บอกว่า “ผมเป็นรองนายก ยังไงก็ต้องเรียกตามราคา 1000 บาท งั่นก็คงต้องเรียกนายกมาคุย”
พนง.ผญ ก็เห็นด้วยที่จะเรียกตามนั้น แต่คงเห็นว่าพี่สาวเราทำไมมาช่วยคุยแทนตายาย เลยถามว่ามาจากไหน? พี่เราเลยบอก ทำงานศาล..คุยอยู่สักพัก จึงเหลือให้ 800 บาท..หลังจากนั้น พนง. คงอยากรู้ว่าพี่เราเป็นลูกหลานใคร เดินมาถามหน้าห้องแถว ว่าคนนี้คือใคร เอิ่ม..ที่ถามอ่ะ เขตบ้านเราเองค่ะ
ที่มาโพสในเฟส เพราะสงสัย ว่าทำไม พนง.เทศบาลและที่บอกว่าเป็นรองนายกเค้าเรียกเก็บโหดมาก ทั้งๆ ที่เค้ามีระเบียบค่าเสื่อมสภาพของทรัพย์สินอยู่ น่าจะตกปีละ 20% รึป่าวคะ ถังขยะอายุการใช้งาน 5 ปี มันหมดอายุแล้วป๊ะ?
หรือถ้าคุณจะเรียกเก็บจริงมันน่าจะน้อยกว่า 800 มั้ยคะ จริงๆ ตายายเค้าเป็นคนดีมากค่ะ ชนแล้วยังจะมีน้ำใจเข้าไปบอกเทศบาล ตายายบอกว่า “ในเมื่อเราชนของหลวง เราก็ควรไปบอกเค้า” น้ำตาจะไหล ซึ้งตายายมากค่ะ
บางคนชนก็หนีไปเลยไม่เห็นเทศบาลจะตาม ทีตายายแก่มากแระยังจะเรียกเก็บซะดูไม่มีน้ำใจ // หากเราบอกระเบียบเทศบาลผิด หรือมีข้อโต้แย้งโปรดแจ้งมาเลยนะคะ เพราะอยากรู้ว่าเราเข้าใจผิดรึป่าวเรื่องค่าเสื่อมของทรัพย์สิน // ว่าแต่เทศบาลไพศาลี มี fb มะคะต้องการแท็ก
เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวสังคมออนไลน์อย่างมากต่างพากัน แชร์กันอย่างกว้างขวาง วซึ่งชาวเน็ตหลายคนบอกว่าขอชื่นชมในความซื่อสัตย์ของคนตากับคุณยายทั้งสอง ท่านที่บอกว่า “ในเมื่อเราชนของหลวง เราก็ควรไปบอกเค้า” ซึ่งคนแบบนี้หาไม่ได้แล้วในสังคมไทย
แต่สิ่งที่รองนายกฯ ทำหลายคนบอกว่าทำเกินไปหรือไม่? ซึ่งดูจากสภาพของถังขยะที่โดนชนก็เก่ามากแล้วการที่เรียกเก็บเงิน 800 บาทนั้นมันเกินไปไหม? ซึ้งหลายคนเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการกระทำของรองนายกฯ อีกด้วย
ข่าวโดย : Talkystory.com
กำหนด
การปฏิบัติงานในการรับสมัครบุคคลภายนอก
เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจชั้นพลตำรวจ
หรือชั้นประทวน ประจำปี พ.ศ.2557 จำนวน 6,800 อัตรา
โดยแยกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1) การรับสมัครและคัดเลือกบุคคลภายนอกเพศชาย
ผู้มีวุฒิประกาศนียบัตรประโยคมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(ปวช.) หรือเทียบเท่า เพื่อบรรจุเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ (นสต.)
โดยการคัดเลือกด้วยวิธีการสอบ จำนวน 6,600 อัตรา
2) การรับสมัครและสอบแข่งขันบุคคลภายนอก ผู้มีวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(ปวช.) หรือเทียบเท่า เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน
ในกลุ่มงานเทคนิค โดยวิธีการสอบแข่งขัน จำนวน 200 อัตรา
แชร์ว่อนเน็ต! หนุ่มไทยประกาศขายขนตรงนั้นของ “จัสติน บีเบอร์” พร้อมผลDNA! ด้วย เอากับเขาสิ
โดยโลกสังคม ออนไลน์แชร์ภาพจากอินสตาแกรมของคุณ paanfectionist ซึ่งเป็นภาพของหนุ่มจัสติน พร้อมระบุข้อความบรรยายภาพชวนอึ้ง ประกาศขายสาหร่าย (ขออนุญาติใช้สรรพนามแฝง) “จัสติน บีเบอร์” 5 เส้น เส้นละ 10,000 บาท!! แถมบอกอีกด้วยว่ามีคนสนใจซื้อไปแล้ว เหลืออีกเพียง 2 เส้น ขาย 18,500 บาท ขาดตัว ส่งEMSฟรี พร้อมผลตรวจ DNA ด้วยนะ!
ไม่รู้งานนี้จะเอาจริง หรือเอาฮา แต่ภาพดังกล่าวได้ถูกแชร์ไปเป็นวงกว้าง พร้อมกระแสวิจารณ์ว่าหากข่าวเป็นจริงนักร้องหนุ่มเลิกร้องเพลง แล้วมาขายขนของตัวเองคงจะรวยกว่านะ
ข่าวโดย sanook.com